ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การใช้เสื้อพยุงหลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและพบเห็นได้ทั่วไปตามสถานประกอบกิจการต่าง ๆ หรือบริษัทอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงในการยกของหนักหรือแม้แต่การขับรถเป็นเวลานาน ๆ ทำให้หลายคนมักจะมีติดตัวไว้ใช้เพื่อเซฟความปลอดภัย ซึ่งในความเป็นจริงการการใช้เสื้อพยุงหลังจะมีข้อจำกัดของการใช้ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ เพราะคนส่วนใหญ่ที่สวมใส่เสื้อพยุงหลังจะคิดว่าตนเองมีพลังและความสามารถที่สูงขึ้นจึงมักจะทำอะไรที่เกินความสามารถของตนเอง เช่นยกของหนักที่เกินกว่าที่ตนเองจะรับได้ หรือขับรถเป็นเวลานานยิ่งขึ้นกว่าเดิม เป็นเสื้อพยุงหลังที่ช่วยเซฟความปลอดภัยไม่ใช่เสื้อที่สวมใส่จะมีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับกฎหมายของบ้านเราที่ได้ออกมาเพื่อควบคุมการยกเคลื่อนย้ายของหนักเป็นการกำหนดน้ำหนักที่นายจ้างให้ลูกจ้างสามารถทำงานได้ โดยน้ำหนักที่เคลื่อนย้ายของจะต้องไม่เกิน ที่กฎหมายกำหนด สำหรับเด็กผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 15 -18 ปี ไม่เกิน 20 กิโลกรัม , เด็กผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 15-20 ปี ไม่เกิน 25 กิโลกรัม , ลูกจ้าหญิง ไม่เกิน 25 กิโลกรัม , ลูกจ้าชายไม่เกิน 55 กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นได้ว่ากฎหมายที่ได้ออกมาคุ้มครองการใช้แรงงานเกี่ยวกับการยกสิ่งของหรือการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้เป็นการเซฟความปลอดภัยของลูกจ้างต้องมีทุกคนต้องมีเสื้อพยุงหลัง แต่ส่วนมาก ทั้งลูกจ้าและนายจ้างต่างก็มีความต้องการที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ เพราะมีผลต่อค่าจ้าง หรือบางรายไม่อยากจะยกหลายรอบหรือเหตุผลอื่น ๆ มากมาย ทำให้หลายคนที่คิดเช่นนี้มักจะมีปัญหาเรื่องอาการเจ็บหลังตามมากันทุกคน ทำให้การใช้เสื้อพยุงหลังมีส่วนช่วยได้อย่างมากสำหรับการเซฟเรื่องความปลอดภัย
แต่การใช้ "เสื้อพยุงหลัง" อาจจะไม่เหมาะกับทุกคนหรือถ้าใครที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้แนะนำว่าไม่ควรสวมใส่เล่น เพราะมีผลเสียและเป็นอันตรายกับเราอย่างมากเช่น กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวทำงานลดลง , เกิดการไส้เลื่อน ,ริดสีดวง , ความดัน เพราะเกิดจากการที่รัดช่วงบริเวณช่องท้องและเป็นสาเหตุให้ความดันภายในช่องท้องมีมากขึ้น เลือดไหลเร็วขึ้น จะเห็นได้ว่าการสวมใส่นั้นจะไม่สามารถใส่ได้ตลอดเวลา เพราะคุณจะสามารถใช้ได้เฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานหรือมีความจำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ใส่เพื่อความเท่หรือความสวยงาม ส่วนหนึ่งการใช้ "เสื้อพยุงหลัง"จะเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่หลายคนมักจะนำมาใช้เป็นการเสื้อพยุงหลังสำหรับบุคคลที่ผ่าตัดหรือมีปัญหาอาการบาดเจ็บ แพทย์จะให้สวมใส่เพื่อให้จัดระเบียบของกระดูกหรือเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของกระดูก
หลายคนที่ใช้เสื้อพยุงหลังอาจจะเข้าใจกันผิด ๆ ว่าสวมใส่เพื่อแก้อาการปวดหลัง ซึ่งความจริงการที่คุณจะมีอาการปวดหลังนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสื้อแต่จะเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า เช่นการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักและผิดท่า หรือการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักเกินความสามารถของตนเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาอย่างมาก ดังนั้นการใส่เสื้อพยุงหลังหรือไม่ อาจจะไม่ได้ช่วยแก้เรื่องอาการปวดหลังเท่าไร หากคุณยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวคุณเอง