การใช้หมอนนอนสำหรับผู้มีปัญหาหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
การเลือกหมอนควรเลือกที่มีความสูงของหมอนพอเหมาะกับคอ เพื่อลดการทำงานของกระดูกคอ โดยอาจใช้หมอนใบเล็กๆ รองใต้คอ
ให้พอดี
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า จริง ๆ แล้วท่านอนให้ถูกต้องมีความสำคัญมาก คือลำตัวควรอยู่ในลักษณะตรงกันตั้งแต่ต้นคอ กระดูกสันหลัง และสะโพกลงไป รักษาระดับตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หมอนหนุนที่ดีควรมีความสูงประมาณ 4-6 นิ้ว รองรับตั้งแต่ต้นคอจรดถึงศีรษะ มีความนุ่มในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ท่านอนได้ระดับ ถึงราคาหมอนเพื่อสุขภาพจะค่อนข้างสูง แต่ก็ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้
ช่วยลดอาการนอนกรน
อาการนอนกรน ถึงแม่จะเกิดจากหลายสาเหตุ อย่างเช่นความอ้วน ความเครียด หรือวันที่เหนื่อยเกินไป แต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ “หมอน” เพราะหมอนทั่วไปจะทำให้คอของเราสูงกว่าระดับร่างกาย เกิดการกดทับที่หลอดลมทำให้หายใจไม่สะดวก แต่หมอนเพื่อสุขภาพจะทำให้หลอดลมอยู่ในลักษณะตรง ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้นจึงช่วยลดอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
· ช่วยรักษาอาการปวดคอ ไหล่ หลัง
หมอนเพื่อสุขภาพเหมาะสำหรับคนที่มีอาการปวดคอปวดไหล่ และหลัง รวมถึงคนที่ชอบนอนตกหมอนทำให้เอี้ยวตัวไม่ได้ไปทั้งวันเลยทีเดียว หมอนเพื่อสุขภาพจะช่วยรองรับกับข้อต่อต้นคอได้พอดี และหมอนที่ดีจะถูกออกแบบมาเพื่อให้ปรับเข้ากับสรีระของแต่ละคนได้ ราคาหมอนเพื่อสุขภาพ หมอนแก้ปวดคอจึงแปรผันตามการออกอแบบด้วยนั่นเอง
· ป้องกันไรฝุ่น
ไรฝุ่น...ภัยร้ายที่มีอยู่รอบตัวแต่มองไม่เห็น ไรฝุ่นเป็นแมลงขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เพราะตัวเล็กมากมีขนาด 250-300 ไมครอนเท่านั้นเอง มีอายุขัย 2-4 เดือน วางไข่ทีละ 20-50 ฟอง ปะปนอยู่กับฝุ่นตามพื้นบ้าน โซฟา พรม และที่นอนของเรา
ไรฝุ่นเป็นอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการภูมิแพ้ เราจะเห็นว่าราคาหมอนเพื่อสุขภาพอาจจุสูงกว่าหมอนธรรมดา แต่ก็เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการเกิดไรฝุ่นได้ดี ทำให้ลูก ๆ และคุณเองนอนหลับได้สบายขึ้น
· ทำความสะอาดง่าย
อีกคุณสมบัติของหมอนเพื่อสุขภาพคือทำความสะอาดง่าย ยกตัวอย่างเช่นหมอนจากยางพาราแท้ หากเปรอะเปื้อนเราสามารถเช็ดออกได้ง่าย ๆ จากนั้นนำไปผึ่งแดดก็เพียงพอแล้ว
· ใช้ได้นาน
หมอนเพื่อสุขภาพผลิตจากวัสดุที่คงทน อย่างเช่นยางพารา หรือเมมโมรี่โฟม ที่ช่วยให้คงสภาพ และคืนตัวได้รวดเร็วไม่ว่าจะยุบตัวลงมากแค่ไหน ถึงแม้จะใช้งานอย่างหนักแต่หมอนเพื่อสุขภาพเหล่านี้ก็สามารถอยู่ได้นานเฉลี่ย 7-10 ปีเลยทีเดียว นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมราคาหมอนเพื่อสุขภาพ หมอนแก้ปวดคอถึงโดดกว่าหมอนสังเคราะห์ทั่วไป หากเป็นหมอนธรรมดาเมื่อแบนจนหมดสภาพก็ต้องซื้อใหม่เสียแล้ว
เลือกความสูงของหมอนให้เหมาะกับสรีระของร่างกายของคุณ โดยการลองเลือกหมอนเพื่อสุขภาพที่คุณชอบแล้วทดลองนอนตะแคงโดยให้ศีรษะของคุณวางบนหมอนเต็มทั้งศีรษะ โดยให้หมอนนั้นรองรับช่องว่างตรงช่วงต้นคอและศีรษะของคุณทั้งหมด แล้วสังเกตความรู้สึกขณะนอนว่าหมอนที่คุณหนุนนั้นสูงหรือต่ำไปหรือไม่ เพราะการเลือกความสูงของหมอนให้พอเหมาะนั้น ศีรษะของคุณจะต้องอยู่ระดับแนวเดียวกับกึ่งกลางของลำตัวขณะที่คุณนอน
2. เลือกหมอนที่มีความนิ่มพอเหมาะกับศีรษะของคุณไม่นิ่มหรือเตี้ยเกินไป โดยความนิ่มของหมอนเพื่อสุขภาพนี้ควรอยู่ในระดับปานกลางเพื่อไม่ให้มีการยุบตัวมากจนปิดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับและทำให้เกิดอาการเลือดตกหัว และต้องไม่ให้แข็งมากจนกดทับกล้ามเนื้อที่คอและบ่าจนอาจได้รับบาดเจ็บได้
3. เลือกวัสดุของหมอนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การนอน เนื่องจากหมอนเพื่อสุขภาพนั้นทำมาจากวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หมอนยางพารา หมอน memory foam หมอนขนเป็ด หมอนขนห่าน หมอนนกกระจอกเทศ หรือแม้แต่หมอนที่ทำจากเมล็ดพืช ซึ่งหมอนหนุนเพื่อสุขภาพที่ทำจากวัสดุที่แตกต่างกันนั้น ควรเลือกหมอนที่เมื่อคุณเอนตัวลงนอนแล้ว นอกจากจะต้องถูกต้องตามสรีระแล้วจะต้องเลือกหมอนที่ถูกกับความชอบของคุณด้วย
4. เลือกหมอนที่เหมาะสมกับที่นอน โดยหมอนที่เหมาะสมกับที่นอนนั้นคือเมื่อนอนลงบนที่นอนและหนุนหมอนแล้ว ศีรษะของคุณจะต้องไม่จมลงไปในหมอน หมอนต้องรองรับช่องว่างตรงช่วงต้นคอและศีรษะของคุณทั้งหมด ถ้าหากหมอนของคุณนิ่มและที่นอนที่คุณใช้ก็มีความนิ่มค่อนข้างมากจะทำให้คุณนอนด้วยความอึดอัด เพราะหมอนจะโอบรัดกะโหลกศีรษะและใบหน้าของคุณจนหมดและนิ่มจนติดที่นอน และทำให้ปวดหัวเพราะความดันของเลือดจะขึ้นเมื่อตื่นนอน ถ้าที่นอนของคุณนิ่มมากควรเลือกหมอนที่คงตัวดีอยู่ในรูปทรงของมันเอง เช่น หมอนที่ทำจากยางพารา เพราะจะทำให้คุณหลับสบายไม่ปวดหลังและคอ ในขณะเดียวกันหากที่นอนของคุณค่อนข้างแข็งให้เลือกหมอนที่มีความนิ่มปานกลางและไม่แน่นจนเกินไปเพื่อที่จะได้รับกับกระดูกคอของคุณได้พอดีและทำให้หลับสบาย