ชีวิตที่คร่ำเคร่งกับการทำงานของคนสมัยนี้ ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ไม่ปวดหัวเพราะใช้สมอง ก็ปวดเมื่อยปวดหลังเพราะใช้เรี่ยแรงทำงานยกของ ก้ม ๆ เงย ๆ สารพัด บางคนโชคสองชั้น ดับเบิ้ลควบรวมทั้งปวดหัวปวดหลังพร้อม ๆ กัน กิจการสถานพยาบาล ไปถึง สปา นวดแผนไทย ถึงรุ่งเรืองอยู่ตามเมืองใหญ่มากมาย เอาไว้บริการคลายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็นแก่บรรดาพนักงานของสถานประกอบการทั้งหลายสารพัดอุตสาหกรรม หนึ่งในอาการบาดเจ็บยอดฮิตทีทั้งคุณหมอโรงพยาบาลและคุณหมอนวดแพทย์แผนไทยได้รับการร้องขอให้ช่วยรักษาบรรเทา ก็คือ โรคปวดหลัง อันเนื่องมากจากการทำงานของคุณ ๆ มนุษย์คนทำงานทั้งหลาย ต้องหาอุปกรณ์เข็มขัดพยุงหลังมาช่วยบรรเทาอาการปวดได้
อาการปวดหลังที่พบกันบ่อยมากในหมู่พนักงานสถานประกอบการ คืออาการปวดบริเวณเอวและหลัง เป็นกันมากในกลุ่มคนทำงานที่ต้องยกของหนัก หรือทำงานในท่าเดิมนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง หรือยืน เช่น คนทำงานออฟฟิศนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ พนักงานขายของตามห้างร้านที่ต้องยืนคอยให้บริการลูกค้าตลอดวัน ต้องมีอุปกรณ์ "เข็มขัดพยุงหลัง" ไว้สำหรับสวมใส่ในการทำงาน นับวันประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทำกายภาพบำบัดจากอาการปวดหลังที่มีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานยกของเคลื่อนย้ายข้าวของ ซึ่งสามารถพบได้แม้ในวัยรุ่นหนุ่มสาว ไม่ได้จำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มคนวัยกลางคนขึ้นไปที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดหลังปวดเอวได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่นอยู่แล้ว
อาการปวดหลังของคนวัยทำงาน นับเป็นของแสลงต่อกัน เจ้าของร่างกายก็ไม่อยากจะเจ็บป่วยจนต้องเสียเงินเสียทอง แต่ยังไงถ้ามีอุปกรณ์เข็มขัดพยุงหลังก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ และหากปล่อยให้มีอาการปวดหลังเรื้อรังนาน ๆ ไป ก็เสี่ยงต่ออันตรายที่ร้ายแรงกว่านั้นในอนาคต คือ อาการปวดหลังที่ร้าวลงขา หรือ เริ่มมีอาการชา จนเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตในอนาคตได้ ดังนั้นการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมปลอดภัยกว่า ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถหายได้โดยการรักษาด้วยการรับประทานยาและใส่อุปกรณ์เข็มขัดพยุงหลัง กายภาพบำบัด และวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น เช่น การนวด การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า น้อยคนนักที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
แต่จะดีกว่านั้นไหม หากเราทำการป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหลังจนต้องเข้ารับการรักษา เช่น รู้จักพักผ่อนร่างกาย ออกกำลังกายเคลื่อนไหวด้วยวิธีอื่น ๆ นอกเหนือจากการทำงานเดิม ๆ หาทางเปลี่ยนแปลงท่าทางในการทำงานบ้าง ไม่นั่งไม่ยืนทำงานท่าทางเดิมซ้ำ ๆ รู้จักก้มเงยในการยกของด้วยท่าทางที่เหมาะสม ไม่เสี่ยงต่อการปวดหลัง รวมถึงรู้จักสวมใส่เครื่องช่วยพยุงหลัง เช่น เข็มขัดพยุงหลัง (Back support) ก่อนทำทำงานยกเคลื่อนย้ายของหนัก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น บริเวณแผ่นหลัง โดยเฉพาะคนที่ยังไม่บรรเทาอาการปวด ควรจะต้องสวมใส่เป็นอย่างยิ่ง
เข็มขัดพยุงหลัง (Back support) นับวันยิ่งเป็นที่นิยมให้หมู่พนักงานที่ทำงานในสถานประกอบการ ด้วยตระหนักดีว่าควรป้องกันการบาดเจ็บของตัวเอง ซึ่งที่มาของเข็มขัดพยุงหลังเองก็ดัดแปลงมาจากเฝือกพยุงเอว ((Lumbo sacral Support) ที่ใช้ในทางการแพทย์ สำหรับใส่ประคองหลังในกรณีที่ปวดหลังมาก กระดูกสันหลังเคลื่อนหรือหลังผ่าตัดส่วนหลัง ดังนั้นเข็มขัดพยุงหลังจึงเหมาะสำหรับคนทำงานที่กำลังบาดเจ็บและกำลังฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาทำงานได้ดีเหมือนปกติ เข็มขัดพยุงหลังจะช่วยลดอาการเจ็บลงได้
ต้องเข้าใจว่าการใส่ "เข็มขัดพยุงหลัง" ไม่ได้ช่วยให้คนทำงานสามารถยกของหนักได้มากขึ้น แต่จะช่วยทำให้มีท่าทางที่เหมาะสมในการยกของโดยไม่เป็นอันตรายต่อแผ่นหลังได้ รวมทั้งป้องกันอันตรายที่เกี่ยวกับช่องท้องในขณะที่ทำการยกสิ่งของอย่างไรก็ดี การใช้งานเข็มขัดพยุงหลัง ควรต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสัดส่วนร่างกายของผู้ใช้ด้วย ซึ่งในท้องตลาดทั่วไป เข็มขัดพยุงหลัง มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ S ไปจนถึง XXL ตามขนาดรอบเอวตามลำดับ
นอกจากเข็มขัดพยุงหลังแบบ (Back support) ที่เน้นพยุงส่วนหลังแล้ว ยังมีอุปกรณ์แบบพยุงหลังและสะโพก (L-S support) ที่มีความยาวกว่าแบบ (Back support) คือ ยาวถึงสะโพก สามารถช่วยพยุงกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกได้ เหมาะสำหรับคนที่มีอาการปวดหลังร้าวลงมาที่ขาเป็นเวลาแรมเดือน
การสวมใส่อุปกรณ์เข็มขัดพยุงหลัง ยังช่วยให้ผู้สวมใส่มีบุคลิกที่สง่างาม แต่เหนืออื่นใด คือ ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการบาดเจ็บจากการปวดกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น บริเวณแผ่นหลัง ซึ่งอาจมาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ฯ ช่วยให้คุณกลับมาทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นได้